เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 จะมีกระบวนการและขั้นตอนจะเป็นอย่างไรบ้างไปดูกัน

โดยรัฐธรรมนูญมาตรา 159 บัญญัติว่า ให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี จากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็น ส.ส.ไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

การเสนอชื่อต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสามชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องกระทำโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย และมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยูของสภาผู้แทนราษฎร

ประกอบกับรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ที่บัญญัติว่า ในระหว่างห้าปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญ การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคหนึ่ง ให้กระทำในที่ประชุมราวมกันของรัฐสภา และมติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา

"วันนอร์" ขอความร่วมมือ ส.ส.-ส.ว.โหวตเลือกนายกคนที่ 30

"พิธา" นั่งนายกฯ คนที่ 30 เจออุปสรรคเพียบ!

เช็กคะแนนเสียง ส.ว. โหวต-ไม่โหวต "พิธา" นายกฯ

ทั้งนี้สามารถสรุปขั้นตอนในการเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ดังนี้

1. ส.ส.เสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี จากบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองที่มีจำนวน ส.ส. ตั้งแต่ 25 คนขึ้นไป

โดยกรณีนี้มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคการเมือง ที่มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีทั้งหมด 8 คน จาก 6พรรคการเมือง คือ พรรคก้าวไกล 1 คน, พรรคเพื่อไทย 3 คน, พรรคภูมิใจไทย 1 คน, พรรคพลังประชารัฐ 1 คน พรรครวมไทยสร้างชาติ 1 คน และพรรคประชาธิปัตย์ 1 คน

2.การเสนอชื่อต้องมีส.ส. รับรอง ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ โดยสามารถเสนอชื่อให้เลือกได้มากกว่า 1 คน

3. การให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา คือ ส.สคำพูดจาก สล็อต777. 500 เสียง ส.ว. 250 เสียง รวมกัน 750 เสียง

4.การเลือกนายกรัฐมนตรีให้กระทำเป็นการเปิดเผย โดยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะเรียกชื่อ ส.ส. และ ส.ว. ตามลำดับอักษรเป็นรายบุคคล และให้ออกเสียงโดยการกล่าวชื่อบุคคลที่เห็นชอบ

5. หากมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ผู้ที่ได้คะแนน 376 เสียงขึ้นไป จะได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยประธานสภาจะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าต่อไป

6.หากลงคะแนนแล้วไม่มีผู้ใดได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง ก็จะวนโหวตต่อไปจนกว่าจะมีผู้ได้คะแนนมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่

โดยการโหวตวนในที่นี้ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาในการเลือกนายกรัฐมนตรีไว้อย่างชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากรัฐธรรมนูญ 2550 ที่จะกำหนดเวลาไว้ 30 วัน หากพ้น 30 วัน ยังไม่มีใครได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งให้ผู้ได้คะแนนสูงสุดเป็นนายกฯ